ถุงกรองฝุ่น

Filter Bag หรือ “ถุงกรองฝุ่น” ที่ทางเราตัดเย็บนั้นมีหลายขนาดหลายวัตถุประสงค์การใช้งานแต่ถุงกรองฝุ่นที่ทางเราตัดเย็บโดยส่วนมากจะใช้กับอุตสาหกรรมซีเมนต์, อุตสาหกรรมอาหารสัตว์,อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์, อุตสากรรมกระดาษ, อุตสาหกรรมถลุงเหล็ก, เหล่านี้เป็นต้น

ขนาดของ Filter Bag หรือ ถุงกรองฝุ่น ที่เราตัดเย็บส่วนใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับ Bag House หรือขนาดเดิมที่ทางลูกค้าเคยใช้งานอยู่เป็นหลัก สำหรับวัสดุที่ใช้ในการตัดเย็บนั้นก็ขึ้นอยู่กับประเภทของฝุ่นที่มีทั้งฝุ่นควัน, ฝุ่นสารเคมี, ฝุ่นที่มีความคม, ฝุ่นที่เป็นกรดและสารพิษ, ฝุ่นที่มีความร้อนสูงพร้อมขี้เถ้า,ผงคาร์บอน, หรือแม้กระทั่งฝุ่นที่เกิดจากเยื่อกระดาษ รวมไปถึงฝุ่นที่เกิดจากห้องพ่นสีในโรงงานซึ่งแนวทางการเลือกใช้วัสดุของทางเราในการตัดเย็บถุงกรองฝุ่น ก็จะเป็นไปดังตารางด้านล่าง

FABRIC OPERATION
TEMP. (C)
TENSILE
STRENGTH
ABRASION
RESISTANCE
ACIDS
RESISTANCE
ALKALINE
RESISTANCE
COTTON 80 GOOD AVERAGE POOR EXCELLENT
POLYPROPYLENE 88 EXCELLENT GOOD EXCELLENT EXCELLENT
POLYESTER 135 EXCELLENT EXCELLENT GOOD FAIR
NOMEX 204 VERY GOOD VERY GOOD FAIR VERY GOOD
TEFLON 232 AVERAGE BELOW EXCELLENT EXCELLENT
FIBERGLASS 260 EXCELLENT POOR GOOD POOR

 

แต่โดยส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้งานทั่วไปสำหรับถุงกรองฝุ่น จะใช้ผ้าโปลีเอสเตอร์ (Polyester Felt Fabric)ในการตัดเย็บและได้รับความนิยมในวงกว้าง เนื่องจากมีค่าที่ยอมให้ลมไหลผ่านสูงหรือมี High AirPermeability Rate นั่นเอง ซึ่งก็จะทำให้สามารถดักจับฝุ่นที่มีความละเอียดมากไว้ได้ด้วย อีกทั้งยังมีราคาถูกกว่าผ้าชนิดอื่นๆอยู่พอสมควร และหาได้ทั่วไปในท้องตลาดสำหรับขนาดมาตรฐานของถุงกรองฝุ่น ก็จะมีความยาวตามท่อหรือตู้ที่ออกแบบไว้ จะแตกต่างกันก็ที่ขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางก็จะมีตั้งแต่ขนาด ส.ก.130 มม ยาว 2.0, 2.5, 3.0, 3.5, 4.0 เมตรหรือยาวมากกว่านี้
คุณสมบัติพื้นฐานเพื่อพิจารณาเลือกใช้ถุงกรองฝุ่น
การยอมให้ของเหลวหรืออากาศซึมผ่านได้ – Air Permeability
เนื้อผ้าที่จะนำมาตัดเย็บถุงกรองฝุ่นต้องมีความสามารถในการให้ทั้งน้ำและอากาศซึมผ่านได้ ซึ่งความสามารถที่ว่านี้สามารถวัดได้โดยปริมาตร “อากาศ/หน่วย” หรือ “เนื้อผ้า (ลบ.ซม.)/วินาที/ซ.ม.2” ที่ความกดดันของอากาศต่างกัน 0.5 ในน้ำ หรือ 13 ม.ม.ซึ่งหารด้วยวิธีการทดสอบของ “เฟรเซียร์” และแม้ว่าผงฝุ่นที่เกาะอยู่ตามถุงกรองฝุ่นนั้นสามารถขจัดออกไปได้ด้วยอากาศที่หมุนเวียนถ่ายเทออกไป แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถในการถ่ายเทของผ้าแต่ละชนิดเป็นหลัก
ความแข็งแรงทางด้านวิศวกรรม – Tensile Strength
เนื้อผ้าของถุงกรองฝุ่นต้องมีความสามารถต้านทานแรงดึง อันเกิดจากแรงดันลมที่อัดเข้ามาภายในถุงกรองฝุ่นได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังต้องทนต่อแรงสั่นสะเทือนได้ดีในระหว่างมีการทำความสะอาด หรือปล่อยลมออกจากถุงกรองฝุ่น ที่สำคัญต้องทนทานต่อการเสียดสีโดยมิให้เกิดการฉีกขาดระหว่างการติดตั้งตัวถุงกรองกับโครงเหล็ก ซึ่งหมายความว่าเนื้อผ้าต้องมีทั้งความเหนียวและความยืดหยุ่นในตัวของมันเอง
ความสามารถในการจัดทรงให้คงรูป – Stability
โครงสร้างของเนื้อผ้าถุงกรองฝุ่นต้องอยู่ทรง และมีช่องว่างพอดีสำหรับป้องกันฝุ่นจากภายในออกมาด้านนอก แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องสามารถป้องกันฝุ่นหรือสิ่งแปลกปลอมจากภายนอกมิให้เล็ดลอดเข้าไปภายในถุงกรองด้วย
ความทนทานต่อการกัดกร่อนของสนิม – Stainless
ชุดเครื่องกรองฝุ่นเมื่อใช้ไประยะหนึ่ง อาจมีสนิมเนื่องจากความชื้นของอากาศหรือก๊าซ เกิดขึ้นที่ เครื่องกรองหรือโครงเหล็กได้เพราะฉะนั้นเนื้อผ้าที่จะนำมาผลิตถุงกรองจะต้องมีคุณสมบัติต้านทานการกัดกร่อนจากสนิมได้เป็นอย่างดี
ความทนทานต่อความร้อน – Heat Resistance
เนื้อผ้าที่จะนำมาผลิตถุงกรองฝุ่นแต่ละชนิด จะต้องมีคุณสมบัติต้านทานความร้อนระหว่างการใช้งานด้วย ซึ่งประเภทของงานหรือประเภทของอุตสาหกรรม จะเป็นตัวกำหนดอุณหภูมิในระดับต่างๆกัน สำหรับเนื้อผ้าแต่ละชนิด
ความสามารถในการทำความสะอาดได้ – Clean Ability
เนื้อผ้าต้องมีผิวหน้าแบบพิเศษ ในการที่จะปล่อยผงฝุ่นออกมาเมื่อมีการทำความสะอาด (ไม่อมฝุ่น)และต้องไม่เปื่อยหรือฉีกขาดเร็วจนเกินไป ในกรณีที่มีการทำความสะอาดถุงกรองฝุ่นตามอายุการใช้งาน
ความไม่ยืด-หดตัว – Non Shrink
เนื้อผ้าต้องไม่เสียรูปทรงเนื่องจากแรงดึงที่มากระทำ และจะต้องไม่หดตัวเมื่อสัมผัสกับความชื้น ซึ่งผ้า ที่ขาดการคำนึงถึงคุณสมบัติข้อนี้เมื่อนำมาเย็บเป็นถุงกรองฝุ่นและทำความสะอาด จะทำให้เนื้อผ้ามีช่องว่างให้อากาศผ่านเข้า-ออกได้มากขึ้น อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นลดน้อยลงไป

Comments are closed.